คนจงใจอยากให้เกิด
ชาวโลกรู้จัก “ระเบิดพลีชีพ” เมื่อไม่นานมานี้
ต้องขอเรียนว่า “ต้นตำรับ – ของจริง” กำเนิดมาจากสมรภูมิแห่งนี้ครับ
กบฏพยัคฆ์ทมิฬอีแลม (Liberation Tigers of Tamil Eelam : LTTE ) เป็นใคร ?
มีบันทึกว่า ในราว ในศตวรรษที่ ๕ ชนเผ่าที่เรียกตัวเองว่าสิงหลซึ่งเป็นชนเผ่าที่เข้มแข็งกว่ากลุ่มอื่นอพยพจากแผ่นดินใหญ่อินเดียเข้ามาตั้งรกรากบนเกาะซีลอน
ย้อนยุคไปในปี พ.ศ.๒๐๔๘ นักล่าอาณานิคมโปรตุเกตแล่นเรือเข้ามาและพยายามครอบครองเกาะซีลอน ซึ่งอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชพันธุ์ธัญญหารและเครื่องเทศ
ต่อมาประมาณปี พ.ศ.๒๒๐๑ กองกำลังชาวดัทช์ที่มีศักยภาพทางทะเลเข้มแข็งกว่าได้ผลักดันกองกำลังของโปรตุเกตออกไป แล้วเข้าควบคุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของเกาะได้ คงเหลือแต่เมืองแคนดี้ ( Kandy)
พ.ศ.๒๓๕๘ นักล่าอาณานิคมตัวจริงคือ อังกฤษ เข้ามาปราบปราม ผลักดันทุกกลุ่มออกไปและสามารถยึดครองพื้นที่ทั้งหมดรวมทั้งเมืองแคนดี้ได้ แล้วจึงเริ่มจัดการโยกย้ายถิ่นฐานของชนเผ่าทมิฬจากทางภาคใต้ของอินเดีย เข้ามาเป็นแรงงานปลูกชา กาแฟ มะพร้าว เพื่อทยอยนำผลผลิตการเกษตรกลับไปเกาะอังกฤษ
ผู้เขียนได้ศึกษาเรื่องราวของนักปล้น – นักล่าอาณานิคมทั้งหลายมามาก พบว่าไอ้พวกฝรั่งเจ้าเล่ห์ พวกนี้จะต้องใช้เล่ห์เพทุบาย ยุยง เสี้ยม เพื่อก่อให้เกิดการเข่นฆ่า ประหัตประหารระหว่างชนเผ่าในพื้นที่ เพื่อง่ายต่อการเข้าไปยึดแล้วปกครอง มันก่อกรรมทำเข็ญมานานนับร้อยปี แม้ในขณะนี้ก็ยังมิได้คิดจะเลิกรา
การนำผู้คนออกจากพื้นที่แห่งหนึ่ง ที่มีชีวิตความเป็นอยู่ในลักษณะหนึ่งโยกย้ายนำไปตั้งรกรากในอีกพื้นที่หนึ่งที่ประชากรมีความแตกต่างในการดำรงชีวิตความเป็นอยู่อย่างสิ้นเชิง นับเป็นปฐมบทแห่งความขัดแย้งของมนุษย์บนโลกใบนี้
มันเป็นความละโมบผสมผสานกับสนุกสนานและเป็นสุดยอดวิชามาร ของประเทศนักล่าอาณานิคมที่จงใจให้คนมันฆ่ากันครับ
ประเทศรอบบ้านเราทั้งหมดคือหลักฐานที่เป็นรูปธรรม ผมยืนยัน
ในปี พ.ศ.๒๓๗๖ เกาะซีลอนทั้งเกาะก็ตกเป็นของอาณานิคมภายใต้การปกครองของอังกฤษโดยสมบูรณ์ตั้งแต่บัดนั้น
อังกฤษเริ่มให้ชาวสิงหลเรียนรู้ที่จะปกครองตนเอง ในรูปแบบของรัฐสภา และอังกฤษได้มอบความเป็นเอกราชให้ประเทศซีลอนในปี พ.ศ.๒๔๘๑
อำนาจทางการเมืองการปกครองตกอยู่ในมือของชาวสิงหลเบ็ดเสร็จ แน่นอนที่สุด ชนเผ่าทมิฬที่อังกฤษนำเข้ามาทำงานก็แทบจะไม่พื้นที่ยืนในสังคมประเทศซีลอน
ความปรีดาปราโมทย์ของชาวสิงหลที่เพิ่งได้รับเอกราช รสชาติแห่งความเป็นประเทศซีลอนมันหอมหวนตลบอบอวลยิ่งนัก ความรู้สึกเยี่ยงนี้มันเป็นกลุ่มก้อนเฉพาะพวกพ้องสายเลือดเดียวกันเท่านั้น โดยไม่ขอนับญาติกับชาวทมิฬ
ชาวทมิฬจำนวนมากที่อังกฤษพามาตั้งรกรากและให้ทำงานเยี่ยงทาส ให้กับแผ่นดินนี้ เหลียวหน้าเหลียวหลังก็พบแต่ความว่างเปล่า เริ่มรู้ชะตากรรมของตน ว่าตกที่นั่งลำบากแน่นอน เริ่มรวมตัวกันเพื่อแสวงหาความเป็นตัวตนของชนเผ่าตัวเอง และตระหนักว่าโลกนี้คับแคบไปเสียแล้ว
สถานการณ์เริ่มบีบคั้นหนักมากขึ้นใน พ.ศ.๒๔๙๙ เมื่อ นายโซเลมอน บันดาราไนยเก ( Solamon Bandaranaike) ชนะการเลือกตั้งอย่างท่วมท้น จากกระแสชาตินิยมของชาวสิงหล ผลที่ตามมาก็คือมาตรการและข้อจำกัดของรัฐบาล ต่างๆนานาที่มีความเข้มงวดไม่ยอมรับและกีดกันชาวทมิฬ สภาพแวดล้อมในครั้งนั้นเป็นการหล่อหลอมชาวทมิฬให้เริ่มการประท้วงไปทั่วประเทศ การปราบปรามครั้งแรก จบลงด้วยชาวทมิฬถูกสังหารราว ๑๐๐ คน
ประกายไฟกระเด็นตกใกล้ถังน้ำมันเข้าไปทุกที
สองปี ถัดมาในปี พ.ศ.๒๕๐๑ เกิดการจลาจลต่อต้านชาวทมิฬ ทางการออกมาปราบปรามอีกครั้ง มีบันทึกเหตุการณ์ว่า ชาวทมิฬถูกสังหารมากกว่า ๒๐๐ คน ทำให้ชาวทมิฬส่วนใหญ่ต้องหนีตายเข้าป่า บ้างก็หลบลงใต้ดินเพื่อไปเตรียมการต่อสู้แบบกองโจร
เป็นที่ทราบกันดีว่า ผู้ดำเนินการทั้งระดับนโยบายและระดับปฏิบัติของทางการในเวลานั้น คือ พวกที่ยึดหลักการลัทธิชาตินิยมของชาวสิงหลที่เป็นชนชั้นปกครอง ทำให้ชาวทมิฬสำนึกอยู่เสมอว่าถ้ายังคงต่อสู้ก็จะยังมีโอกาสรอด แต่ถ้าไม่สู้ ตายลูกเดียว
ผู้เขียนย้อนเรื่องราวความขัดแย้งชนเผ่าสิงหลกับทมิฬมาถึงจุดนี้ ท่านผู้อ่านก็คงทราบกันดีว่า ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่พิสดารอะไรที่ไหน ความขัดแย้งซ้ำซาก น้ำเน่าแบบนี้ ประเทศนักล่าอาณานิคมทั้งหลาย เขียนบทละครให้คนหลายเผ่าพันธุ์บนโลกใบนี้ฆ่ากันเพื่อประโยชน์สุขของเขาตราบจนทุกวันนี้ครับ
-------------------------------------------------------------