14 ธันวาคม 2552

บทที่ 5


เราชนะสงครามอย่างไร
----------------
โดย นายพล โว เหงียน เกี๊ยบ
และ นายพล วัน เทียน ดุง
1

การตกลงใจทางยุทธศาสตร์ อย่างถูกต้อง

-----------






“ความเป็นผู้นำทางยุทธศาสตร์ของพรรค (พรรคกรรมกรเวียดนาม) มีบทบาทขั้นแตกหัก ในระหว่างการยุทธเมื่อฤดูใบไม้ผลิปี 1975 และความสำเร็จอันยอดเยี่ยมของพรรคเกิดจากความถูกต้องในการประมาณการเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของกำลังฝ่ายเราและฝ่ายข้าศึก กับการเล็งเห็นโอกาสอันเกื้อกูลต่อฝ่ายเราที่จะเกิดขึ้น ตลอดจนการตกลงใจทางยุทธศาสตร์ที่จะปลดปล่อยภาคใต้และการเอาชนะสงครามล่าอาณานิคมยุคใหม่ของสหรัฐฯ อย่างสมบูรณ์ ยิ่งกว่านี้พรรคของเรายังได้ดำเนินการไปตามหลักไดอะเลกติกส์ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของกำลังฝ่ายเรา และฝ่ายข้าศึกษาอย่างใกล้ชิด ตลอดห้วงเวลาของการรุก รวมทั้งได้เสริมสร้างให้เกิดโอกาสที่เกื้อกูลต่อฝ่ายเรา และฉวยโอกาสนั้นเข้าปฏิบัติการรุกอย่างกล้าหาญ ด้วยความตั้งใจอันแน่วแน่ และถูกต้องตามเวลา เพื่อให้บรรลุชัยชนะภายในระยะเวลาสั้นที่สุด”

ในระหว่างที่สหรัฐฯ และทหารหุ่น ได้ใช้ความรุนแรงของการต่อต้านการปฏิวัติอย่างบ้าคลั่ง และใช้กองทัพหุ่นขนาดใหญ่ทำสงครามต่อไป โดยละเมิดสนธิสัญญาปารีส ซึ่งลงนามกันเมื่อ 27 มกราคม ปี 1973 เพื่อทำลายผลสำเร็จในการปฏิวัติของประชาชนของเรา ทางพรรคของเราซึ่งเน้นในเรื่องความจำเป็นในการดำรงความรุนแรงของการปฏิวัติต่อไป ได้พิจารณาเห็นชอบที่จะใช้สงครามปฏิวัติและยุทธศาสตร์ นั่นคือการผสมผสานการต่อสู้ทางการทหารเข้ากับการต่อสู้ทางการเมือง รวมทั้งการต่อสู้ทางการทูต เมื่อถึงห้วงเวลาหนึ่งของการปฏิวัติ เพื่อเอาชนะสงครามรุกรานจักรวรรดิ์นิยมยุคใหม่ของสหรัฐฯ และประธานาธิบดี เหงียน วัน เทียว พรรคของเราชี้ให้เห็นอย่างถูกต้องว่า สหรัฐฯ และประธานาธิบดี เทียว ซึ่งมีลักษณะดื้อรั้น และเป็นปฏิกิริยาจะไม่ยึดถือข้อตกลงในสนธิสัญญาปารีสอย่างจริงจังเลย นอกเสียจากว่าพวกเขาจะประสบความพ่ายแพ้และสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างแล้วนั่นแหละ เขาจึงจะหันมาพึ่งพิงข้อความในสนธิสัญญาดังกล่าวไปจนกว่าจะพ่ายแพ้และพินาศย่อยยับ จนหมดสิ้น

พรรคของพวกเราได้ชี้ให้เห็นจุดเปลี่ยนขั้นพื้นฐานในความสมดุลย์ของกำลังในการปฏิวัติและการต่อต้านการปฏิวัติภายในประเทศของเรา ตลอดจนความได้เปรียบที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์โลกภายหลังจากที่สหรัฐฯ ถูกบีบบังคับให้ลงนามในสนธิสัญญาปารีส เนื่องจากความพ่ายแพ้อย่างยับเยินและการถอนกำลังทหารอเมริกันออกไปจากประเทศของเรา

ฝ่ายเราได้ประเมินคุณค่าของสหรัฐฯ และทหารหุ่นได้อย่างถูกต้อง เราพิจารณาเห็นจุดอ่อนที่สำคัญต่างๆ ของรัฐบาลหุ่นของสหรัฐฯ ในเวียดนามใต้และของกองทัพหุ่นที่มีการจัดและการประกอบกำลังอาวุธยุทโธปกรณ์ โดยสหรัฐฯ รวมทั้งขีดความสามารถของสหรัฐฯ ที่จะทำการโต้ตอบ คณะบริหารหุ่นในไซ่ง่อนมีกำลังกองทัพมากกว่า 1 ล้านคน และมียุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยรวมทั้งมีขอบข่ายกลไกการควบคุมจากส่วนกลางไปยังหน่วยเล็กที่สุดได้อย่างกว้างขวางอย่างไรก็ดี เนื่องจากอุปนิสัยที่เป็นปฏิกิริยาอย่างเต็มที่ และความรู้สึกที่ไม่เป็นมิตรต่อประชาชน จึงทำให้รัฐบาลและกองทัพหุ่นมีจุดอ่อนขั้นพื้นฐานอยู่มากมายในทุกสาขางาน ยิ่งกว่านั้นบรรดาหุ่นทั้งหลายเหล่านี้ยังพึ่งพาอาศัยสหรัฐฯ ในเรื่องต่างๆ มากเกินไป ดังนั้นเมื่อสหรัฐฯ ถอนกำลังทหารออกไปจากเวียดนามใต้แล้ว จุดอ่อนต่างๆ เหล่านี้ ก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้นอย่างน่ากลัวกว่าแต่ก่อน ซึ่งเป็นผลให้พลังอำนาจของบรรดาหุ่นเหล่านี้ลดต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด ฝ่ายสหรัฐฯ ไม่สามารถผจญกับกำลังของการปฏิวัติในเวียดนาม ซึ่งเติบโตขึ้นอย่างมากทั้งในด้านการทหารและการเมือง จักรวรรดิ์นิยมอเมริกันต้องทนทุกข์เพิ่มขึ้นจากผลของความพ่ายแพ้ในเวียดนามใต้ และยังต้องเผชิญกับความยุ่งยากทางการเมืองเศรษฐกิจ และการทหารภายในประเทศสหรัฐฯ เอง และในโลกมากยิ่งขึ้น สหรัฐฯ จึงต้องก้าวถอยหลังทางยุทธศาสตร์ในเวียดนาม และอินโดจีน และปรับยุทธศาสตร์โลกของตนเอง ถึงแม้ว่าสหรัฐฯ จะดื้อรั้นเข้าไปยุ่งเกี่ยวทางด้านการทหารในเวียดนาม และยังคงควบคุมบังคับบัญชาบรรดาหุ่นในไซ่ง่อนให้ทำสงครามล่าอาณานิคมยุคใหม่ต่อไปก็ตาม โอกาสที่สหรัฐฯ จะกลับเข้ามาเวียดนามอีกเริ่มมีน้อยลง ทั้งนี้มิใช่ว่าสหรัฐฯ จะหมดกำลังทหาร แต่เนื่องจากวงการระดับปกครองในสหรัฐฯ ตระหนักว่าถึงแม้จะใช้กำลังกองทัพสหรัฐฯ อย่างไม่รับผิดชอบเข้าทำการรุกรานเวียดนามใต้เป็นครั้งที่สองก็ตาม สหรัฐฯ ก็จะไม่สามารถช่วยกองทัพหุ่นของตนหรือรับสถานการณ์ให้คืนสู่สภาวะเดิมได้ แต่กลับจะประสบความปราชัยที่ชมชื่นมากยิ่งขึ้นไปอีก

ฝ่ายเราได้ประมาณการขีดความสามารถของเราเองอย่างถูกต้อง ทั้งในเรื่องขีดความสามารถของกองทัพ ของประชาชนและของประเทศส่วนรวม เราได้ทำการรบมาหลายทศวรรษ และประสบชัยชนะครั้งแล้วครั้งเล่า เราสามารถเอาชนะจักรวรรดิ์นิยมอเมริกันในความพยายามที่จะทำสงครามขนาดใหญ่ และในระหว่างการสร้างชาติ เราได้ทำสงครามการต่อต้านมาตลอด จนกองทัพและประชาชนของเราสามารถสร้างสมพลังอำนาจขึ้นมาได้อย่างแข็งแกร่งทั้งทางด้านการทหารและการเมือง กับทางวัตถุและจิตใจ ซึ่งก่อให้เกิดสถานการณ์ที่เกื้อกูลต่อฝ่ายเราอย่างไม่เคยมีมาก่อนและทำให้การปฏิวัติของเราก้าวหน้าต่อไปได้

การปฏิวัติในเวียดนามใต้ หรือการปฏิวัติในเวียดนามเป็นส่วนรวม มีความเข้มแข็งมากขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา และเมื่อเปรียบเทียบกำลังของฝ่ายเราและฝ่ายข้าศึกแล้ว กำลังฝ่ายเราเหนือกว่าอย่างไรไม่เคยปรากฏมาก่อน ภายหลังที่ฝ่ายเราสามารถขับไล่สหรัฐฯ ออกไปจากเวียดนามได้แล้ว ประชาชนของเราก็อยู่ในสภาวะที่จะก้าวต่อไป เพื่อโค่นล้มบรรดาหุ่นทั้งหลาย ไม่ว่าสหรัฐฯ จะส่งกำลังทหารเข้ามารุกรานประเทศของเราอีกครั้งหนึ่งหรือไม่ก็ตาม

จากการวิเคราะห์แผนงานของฝ่ายข้าศึก ตลอดจนความสมดุลกองกำลังฝ่ายเรา และฝ่ายข้าศึก รวมทั้งสถานการณ์ภายในประเทศและสถานการณ์โลกพรรคของเราได้ข้อยุติว่า “ประชาชนของเรามีโอกาสทางประวัติศาสตร์ที่จะปลดปล่อยเวียดนามใต้อย่างสิ้นเชิง และทำการปฏิวัติประชาธิปไตยแห่งชาติบรรลุผลอย่างสมบูรณ์ทั่วประเทศ” ซึ่งเป็นการบรรลุภารกิจที่กำหนดไว้ในการประชุมสมัชชาพรรค ครั้งที่ 3 (กันยายน ปี 1960) การสู้รบคงเป็นงานที่ยุ่งยากและดุเดือดแต่เนื่องจากมีขบวนการต่อต้านการทำสงครามของสหรัฐฯ เกิดขึ้น เราจึงคิดว่าจะต้องประสบชัยชนะอย่างแน่นอนและฝ่ายข้าศึกก็ต้องพ่ายแพ้ด้วย ดังนั้นเวลาที่ฝ่ายข้าศึกจะประสบความพ่ายแพ้โดยสิ้นเชิงและฝ่ายเราจะประสบชัยชนะที่สมบูรณ์ได้มาถึงแล้ว

ตามที่ได้กำหนดเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ เพื่อการปลดปล่อยภาคใต้ให้ได้โดยสิ้นเชิงและทำให้การปฏิวัติประชาธิปไตยแห่งชาติบรรลุอย่างสมบูรณ์ทั่วประเทศนั้น กองทัพและประชาชนของเราได้ตกลงใจทางยุทธศาสตร์ว่า “ฝ่ายเราจะปฏิบัติการรุกใหญ่และลุกฮือขึ้นต่อสู้พร้อมกัน ด้วยการรบทางยุทธศาสตร์ขนาดใหญ่ขึ้นแตกหัก ทั่วสมรภูมิเวียดนามใต้ โดยมีความมุ่งหมายเพื่อทำลายและกำจัดกองทัพหุ่น รวมทั้งบดขยี้รัฐบาลหุ่นให้หมดสิ้นไป เพื่อให้ประชาชนกลับมามีอำนาจอีกครั้งหนึ่ง”

จากประสบการณ์ในการรบของเราภายในห้วงเวลา 2 ปี ที่ผ่านมา เราพิจารณาเห็นขีดจำกัดของสหรัฐฯ นอกจากนี้ความสามารถของเราที่จะได้รับชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่อย่างรวดเร็วก็ปรากฏชัดเจนยิ่งขึ้นด้วย เมื่อพิจารณาถึงจุดแข็งของเราและจุดอ่อนของข้าศึก และการที่ฝ่ายข้าศึกไม่สามารถหลีกเลี่ยงการปฏิบัติที่ผิดพลาดเนื่องจากความดื้อรั้นและความหลงเชื่อในตนเองแล้ว ปรากฏว่าตามหลักแห่งชัยชนะทีละขั้นของฝ่ายข้าศึก จะเกิดสถานการณ์ที่ข้าศึกล้าคว่ำอย่างรวดเร็ว และฝ่ายเราจะสามารถเอาชนะได้อย่างเด็ดขาดในห้วงเวลาค่อนข้างสั้นในการดำเนินการให้การตกลงใจทางยุทธศาสตร์เป็นจริงขึ้นมา “เราได้เตรียมการอันจำเป็นทุกประการ และเสริมสร้างให้เกิดโอกาสอันเกื้อกูลต่อชัยชนะโดยเร็วที่สุด” จากการพิจารณาดังกล่าว เมื่อเราเริ่มเปิดฉากการยุทธในฤดูใบไม้ผลิปี 1975 เราได้ปฏิบัติอย่างกล้าหาญและฉับพลันในทุกสมรภูมิ ซึ่งเป็นการเสริมสร้างโอกาสที่เกื้อกูลต่อฝ่ายเรา และเมื่อโอกาสนั้นมาถึง เราก็แสวงประโยชน์อย่างเต็มที่ เพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะโดยรวดเร็ว

การตกลงใจทางยุทธศาสตร์ที่ถูกต้องเป็นพื้นฐานของชัยชนะ เมื่อเราได้ตกลงใจอย่างถูกต้องแล้ว ปัญหาแตกหักอยู่ที่การดำเนินการให้การตกลงใจดังกล่าวเป็นจริง ด้วยวิธีการที่เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในแต่ละพื้นที่และเวลาที่กำหนดในสมรภูมิ จากประวัติศาสตร์ของสงครามและการปฏิวัติ คำทำนายที่แม่นยำที่สุดยังไม่สามารถทราบล่วงหน้าว่าอะไรจะเกิดขึ้นในสถานการณ์จริง และการปฏิวัติ จะทราบก็แต่เพียงการคาดหมายโดยประมาณเท่าที่จำเป็นเท่านั้น การทำการปฏิวัติมีหลายรูปแบบ และเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอตลอดเวลา โดยเฉพาะในห้วงที่ก้าวกระโดดไปข้างหน้า เมื่อการปฏิบัติเป็นไปเกินคำทำนายที่คาดกันไว้ ฉะนั้นในการดำเนินการตามการตกลงใจทางยุทธศาสตร์นี้ จึงจำเป็นที่เราจะต้องตื่นแล้ว และตรวจให้พบปัจจัยและสิ่งใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในสมรภูมิและในขณะเดียวกัน เราต้องสามารถตกลงใจและกำหนดนโยบายใหม่ๆ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วด้วย

ในระหว่างการรุกทางยุทธศาสตร์ พรรคของเราได้ “ติดตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างใกล้ชิด และสังเกตสาเหตุที่ทำให้ฝ่ายข้าศึกอ่อนกำลังรวมทั้งทำนายและตรวจพบความพ่ายแพ้อย่างรวดเร็วของฝ่ายข้าศึกได้ทันเวลาเช่นเดียวกับความสามารถอันยิ่งใหญ่ของฝ่ายเราซึ่งเป็นการเสริมสร้างให้เกิดโอกาสที่เกื้อกูลในการที่จะแสวงประโยชน์ต่อไป พรรคของเราได้ผลักดันการรุกด้วยความเชื่อมั่น และความกล้าหาญ ไปสู่ชัยชนะอย่างสมบูรณ์ในระยะเวลาที่สั้นที่สุด”
หลังจากที่ประสบชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ในที่ราบสูงภาคกลาง (5-23 มีนาคม ปี 1975)* พรรคของเราตรวจพบสถานการณ์ และโอกาสอันเกื้อกูลที่เกิดขึ้นได้ทันเวลา จึงตกลงใจอย่างรวดเร็วที่จะดำเนินการตามแผนที่ได้กำหนดไว้ ซึ่งเป็นแรงผลักดันอย่างมหาศาลและทันเวลาต่อการรุกทางยุทธศาสตร์ครั้งใหญ่ในทุกสมรภูมิทางภาคใต้ เพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะที่สมบูรณ์โดยเร็ว ในขณะเดียวกันเราพบว่าสหรัฐฯ อาจเข้าแทรกแซงในระดับและรูปแบบต่างๆ แต่เราก็ได้เตรียมการเพื่อเผชิญสถานการณ์ดังกล่าว พรรคของเรายืนยันว่าถึงแม้สหรัฐฯ จะเข้ามายุ่งเกี่ยวในสงครามอีก เราก็จะทำสงครามด้วยความเชื่อมั่นต่อไปจนได้รับชัยชนะ พรรคของเรายังชี้ให้เห็นว่าขณะนั้นเรามีเงื่อนไขที่จำเป็นทุกประการที่จะชนะสงครามได้อย่างสมบูรณ์แล้ว

จากการตกลงใจในครั้งนี้เราได้วางแผนและปฏิบัติการยุทธในพื้นที่เว้ดานัง อย่างรวดเร็วเป็นประวัติการณ์ (23-29 มีนาคม ปี 1975) ทันทีที่การรบใหญ่เพื่อทำลายทหารหุ่นในเมืองดานังเสร็จสิ้นลง เราได้ทำประมาณการณ์อย่างถูกต้องว่า ฝ่ายข้าศึกกำลังอยู่ระหว่างการล้าคว่ำลงอย่างสิ้นเชิง และโอกาสที่ฝ่ายเราจะได้รับชัยชนะสมบูรณ์ในเวลาอันรวดเร็วเริ่มเป็นจริง สงครามปฏิวัติในเวียดนามใต้ได้เข้าสู่ขั้นการก้าวกระโดดไปข้างหน้าแล้ว ซึ่งหมายความว่าการปฏิวัติภายในประเทศของเรากำลังพัฒนาไปด้วยความรวดเร็ว 1 วัน เท่ากับ 20 ปี การที่ฝ่ายเราฉวยโอกาสทางยุทธศาสตร์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ และตกลงใจทำการรุกอย่างรวดเร็วด้วยการโจมตีแบบจู่โจมอย่างกล้าหาญ ทำให้ฝ่ายเราสามารถทำการรุกใหญ่อย่างรวดเร็วไปสู่ชัยชนะที่สมบูรณ์ได้

ฝ่ายเรารวมกำลังต่างๆ อย่างเป็นปึกแผ่น ด้วยความมุ่งมั่นที่จะทำการรบโดยรวดเร็ว เป็นประวัติการณ์ และได้เริ่มปฏิบัติการยุทธตามแผนโฮจิมินห์ (26 เมษายน ปี 1975) เพื่อผลแตกหักและการสิ้นสุดสงครามด้วยความมีชัย ในระหว่างการยุทธตามแผนโฮจิมินห์ไปจนถึงนาทีสุดท้ายของการสู้รบ พรรคของเราได้ติดตามสถานการณ์ในสมรภูมิต่างๆ อย่างใกล้ชิด และพร้อมกันนี้ก็ติดตามสถานการณ์ด้านการเมืองภายในและภายนอกประเทศที่เปลี่ยนแปลงไปทั่วโลกในระหว่างการอำนวยการรุกใหญ่และการลุกฮือขึ้นต่อสู้ ครั้งนี้ เราก้าวไปข้างหนึ่งด้วยความเชื่อมั่น และความกล้าหาญจนสามารถได้ชัยชนะที่สมบูรณ์ภายในระยะเวลาที่สั้นที่สุด
การตกลงใจทางยุทธศาสตร์ของเรามีเหตุผล “มีลักษณะปฏิวัติและเป็นวิทยาศาสตร์” ซึ่งสะท้อนให้เห็นจิตใจของการปฏิวัติอย่างสมบูรณ์ จิตใจของรุกทางการปฏิวัติของกองทัพและประชาชนในการต่อสู้แบบยืดเยื้อเพื่อความเป็นอิสรเสรีของปิตุภูมิ การตกลงใจดังกล่าวยังสะท้อนให้เห็นจุดเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐานในความสมดุลย์ของกำลังทั้งสองฝ่าย ซึ่งเกื้อกูลต่อฝ่ายเรา นอกจากนี้ยังสะท้อนให้เห็นกฎแห่งการพัฒนาแบบไดอะเลคติกส์ จากการเปลี่ยนแปลงอย่างเฉื่อยชา ไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว ในขณะที่การสู้รบถึงขั้นแตกหัก การตกลงใจครั้งนี้กลายเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวร่วมกันของพรรคของประชาชนและของกองทัพจากเหนือจรดใต้ ทั้งหมด และเป็นสิ่งจูงใจให้ประชาชนในชาติรวมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ที่จะเดินมุ่งหน้าไปด้วยความเชื่อมั่นในการปฏิวัติที่ยิ่งใหญ่เพื่อทำการรุกและลุกฮือขึ้นต่อสู้ให้ได้มาซึ่งชัยชนะที่สมบูรณ์

*เวียดนามเหนือได้โจมตีเมือง ฟุตลอง เมื่อ 6 ม.ค. 1975 แล้วต่อมาก็เข้าตีบ้านแม่ทวด (MET THOUT) และยึดได้เมือ 10 มี.ค. 1975 ณ จุดนี้ทำให้เวียดนามเหนือตัดสินใจรุกทางยุทธศาสตร์เว้ , ดานัง และไซ่ง่อน ทันที



2 เพิ่มรูปภาพ
การจัดเตรียมกำลัง
ที่เข้มแข็ง
-----------



“ความสำเร็จที่ยอดเยี่ยมอีกประการหนึ่งของพรรค ประกอบด้วยศิลปะการระดมสรรถกำลัง และการใช้กำลังต่างๆ ในทุกด้าน ตลอดจนการจัดหน่วย และการจัดเตรียมสนามรบความที่การจัดการต่อยุทโธปกรณ์ และงานสายยุทธบริการในขอบเขตที่กว้างขวาง อย่างไม่เคยกระทำกันในระดับสูงมาก่อน ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า การตกลงใจทางยุทธศาสตร์สามารถเป็นจริง และจำนำมาซึ่งชัยชนะที่สมบูรณ์ ถึงแม้ว่าจะอยู่ในระยะของการก้าวกระโดดไปข้างหน้าในสถานการณ์สงครามก็ตาม นอกจากนั้นความสำเร็จของเรายังประกอบด้วยการผลักดันให้การรุกดำเนินต่อไปในขณะที่ฝ่ายเราพยายามใช้ข้อได้เปรียบที่เกิดขึ้นอย่างทันเวลา และการระดมความสามารถใหม่เพื่อประกันความเติบโตอย่างไม่หยุดยั้งของกำลังฝ่ายเรา ในห้วงระยะเวลาของการรุกใหญ่”

ตลอดระยะเวลาของการต่อสู้อันยาวนานในห้วงศตวรรษต่างๆ ที่ผ่านมา ประชาชนของเราได้พัฒนากำลังที่เข้มแข็งไปตามลำดับขึ้นในทุกๆ ด้าน พร้อมทั้งเสริมสร้างกำลังรบในสงครามปฏิวัติที่เข้มแข็ง ซึ่งทำให้ฝ่ายเรามีกำลังที่จะเป็นสำหรับเอาชนะยุทธศาสตร์การสงครามของจักวรรดิ์นิยมอเมริกันครั้งแล้วครั้งเล่า และเสริมสร้างโอกาสทางประวัติศาสตร์ที่จะชนะสงครามโดยสมบูรณ์ เพื่อเป็นการชิงโอกาสดังกล่าว และปฏิบัติตามข้อตกลงใจทางยุทธของพรรคกองทัพและประชาชนของเราได้แก้ปัญหาใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในการระดมสรรพกำลังขนาดใหญ่ การจัดหน่วยและการใช้กำลังของเราทั่วประเทศ เพื่อให้สามารถบดขยี้กองทัพหุ่นและปลดปล่อยเวียดนามใต้ให้ได้ในเวลาที่กำหนด ฝ่ายเรามีกองทัพที่เข้มแข็งซึ่งประกอบด้วยกำลัง 3 ประเภท รวมทั้งกำลังทางการเมืองที่แข็งแกร่ง เราจะเป็นต้องเร่งรัดเพิ่มเติมการจัดกำลังและประกันให้มีการจัดเตรียมสนามรบรวมทั้งการจัดวางกำลังของฝ่ายเราไว้เป็นอย่างดี เพื่อเสริมสร้างความได้เปรียบทางการรบให้มากที่สุดทั้งนี้เพื่อให้กำลังต่างๆ ของเรามีพลังในการรุกอย่างสูงสุด กำลังของฝ่ายเราจะต้องเข้มแข็งเพียงพอที่จะทำการรบได้หลายๆ ด้านพร้อมกัน หรือติดต่อกันไป หรือเมื่อสงครามขยายขอบเขตกว้างขวางขึ้น และจะต้องสามารถสู้รบกับฝ่ายข้าศึกในพื้นที่ทางยุทธศาสตร์ทั้งสามต่อไปจนถึง “เมืองหลวง” ของฝ่ายข้าศึกได้

เราพยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะเสริมสร้าง “หน่วยยุทธศาสตร์ขนาดใหญ่หลายๆ หน่วย” ซึ่งประกอบด้วยหน่วยที่ทันสมัยมากมาย โดยเฉพาะหน่วยรถถัง หน่วยรถหุ้มเกราะ หน่วยปืนใหญ่และหน่วยปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน ซึ่งมีขีดความสามารถที่จะปฏิบัติการรุกผสมเหล่าขนาดใหญ่ได้หน่วยยุทธบริการของกองทัพของเรา ได้รับการพัฒนากำลังให้สามารถปฏิบัติงานในการยุทธศาสตร์เหล่าขนาดใหญ่ได้ เช่นกัน หน่วยคอมมานโดที่เก่งกล้า ซึ่งได้รับการฝึกให้สามารถทำการโจมตีอย่างน่าสพึงกลัวต่อสถานที่สำคัญๆ ของฝ่ายข้าศึก มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ฝ่ายเรามีหน่วยทางยุทธศาสตร์ “ในพื้นที่” ซึ่งพร้อมที่จะปฏิบัติการในสมรภูมิต่างๆ ได้มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ฝ่ายเรามีหน่วยทางยุทธศาสตร์ “ในพื้นที่” ซึ่งพร้อมที่จะปฏิบัติการในสมรภูมิต่างๆ ได้ทันทีและมีความคล่องแคล่วในการเคลื่อนที่สูง นอกจากนี้เรายังมี “กำลังสำรองทางยุทธศาสตร์ขนาดใหญ่” ซึ่งพร้อมที่จะเข้าร่วมในการรบ การปรากฏของหน่วยยุทธศาสตร์ขนาดใหญ่หลายๆ หน่วย ซึ่งประกอบด้วยทหารเหล่าต่างๆ ที่สามารถทำการโจมตีได้อย่างรุนแรง และมีความชำนาญในการรบกับมีความคล่องแคล่วในการเคลื่อนที่อยู่ในเกณฑ์สูง นับเป็นการพัฒนาก้าวใหม่ในประวัติศาสตร์ของกองทัพ และเป็นปัจจัยที่จะส่งผลแตกหักในการรุกใหญ่

ถึงแม้ว่าในพื้นที่ส่วนหลังที่กว้างขวาง จะมีการฟื้นฟู และพัฒนาด้านเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นอย่างเร่งรีบก็ตาม ฝ่ายเรายังคงมุ่งที่จะระดมสรรพกำลังเป็นการใหญ่ เพื่อเสริมสร้างกองทัพให้มีหน่วยใหม่ๆ เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากรวมทั้งมี “กำลังสำรอง” ขนาดใหญ่ เพื่อเตรียมรับสถานการณ์ก้าวกระโดดไปข้างหน้าเมื่อโอกาสนั้นปรากฏขึ้นในสนามรบ

“กำลังกองทัพของมวลชน และกำลังการเมืองของมวลประจำถิ่น” ได้รับการพัฒนาและเสริมสร้างขึ้นอย่างแข็งขัน ทั้งในชนบทและตัวเมือง จากพื้นที่ซึ่งมีพลเมืองหนาแน่นแถบสามเหลี่ยมแม่น้ำโขงไปจนจรดพื้นที่ชายฝั่งในเวียดนามตอนกลาง กำลังเหล่านี้สามารถนำมาใช้ได้อย่างรวดเร็ว โดยพร้อมที่จะปฏิบัติการร่วมกับกำลังหลัก และผสมผสานการโจมตีทางทหารเข้ากับการลุกฮือขึ้นต่อสู้ของประชาชน เพื่อเข้าโจมตีอย่างแตกหักต่อสถานที่สำคัญต่างๆ โดยเฉพาะภายในตัวเมือง
“การจัดหน่วยและการจัดเตรียมสนามรบ” ดำเนินไปตามแผ่นอย่างเคร่งครัด ในการก่อสร้างและพัฒนาด้านเศรษฐกิจตลอดจนกิจกรรมทาหารในสงครามสมัยใหม่ การคมนาคมถือเป็นเรื่องที่จะต้องดำเนินการให้รุดหน้าไปกว่าเรื่องอื่นๆ จากการต่อสู้รบมาหลายทศวรรษฝ่ายเราได้ก่อสร้างระบบถนนทางยุทธศาสตร์ และยุทธวิธีรวมเป็นระยะทางหลายหมื่นกิโลเมตร และได้จัดตั้งขบวนยานยนต์ขนส่งขนาดใหญ่หลายขบวนที่มีประสบการณ์ในการรบมาอย่างช่ำชอง ฐานส่งกำลังบำรุงและฐานยุทธบริการต่างๆ ได้รับการเสริมกำลังให้มั่นคง และตั้งอยู่ทั่วไปในทุกพื้นที่การรบด้วยเหตุนี้เราจึงสามารถเคลื่อนย้ายกำลังทหารขนาดใหญ่ รวมทั้งหน่วยสายยุทธบริการ และสิ่งอุปกรณ์จำนวนมหาศาลไปยังพื้นที่การรบต่างๆ ในระหว่างการรุกใหญ่ได้โดยเรียบร้อย

เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสงครามปฏิวัติในประเทศของเรา ที่การรุกทางยุทธศาสตร์ครั้งใหญ่ ก่อให้เกิดความต้องการด้านการส่งกำลังบำรุงด้านเทคนิคและด้านความคล่องแคล่วในการเคลื่อนที่ เป็นอย่างมากในลักษณะเร่งด่วน และยุ่งยากพอสมควรแต่ “หน่วยส่งกำลังบำรุงและหน่วยสายยุทธบริการ” ของเราได้มีขีดความสามารถสูงและเอาชนะความยุ่งยากต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ นอกจากนี้ยังได้พัฒนาให้มีความคิดพลิกแพลง และสามารถปฏิบัติภารกิจต่างๆ ให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
พวกเรามีความภาคภูมิใจในความสำเร็จของกองทัพในการเผชิญกับความต้องการต่างๆ เหล่านี้ ซึ่งการปฏิบัติส่วนใหญ่เป็นการใช้ยานยนต์ทำการเคลื่อนย้ายหน่วยทางยุทธศาสตร์จำนวนมากที่ปฏิบัติการผสมเหล่าอยู่ในพื้นที่การรบที่กว้างขวางเกือบทั่วเวียดนามใต้ และสิ่งนี้เป็นการก้าวกระโดดไปข้างหน้าของ “กำลังสนับสนุนทางยุทธศาสตร์” ของกองทัพ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าทึ่งในความเจริญของกองทัพของเรา

กำลังรบที่น่าเกรงขามซึ่งดำเนินสงครามปฏิวัติอยู่ในเวียดนามใต้ มีความเข้มแข็งมากขึ้นกว่าเดิมในห้วง 2 ปี ที่ผ่านมา กำลังรบเหล่านี้เป็นอันตรายต่อฝ่ายข้าศึกเป็นอย่างยิ่ง และทำให้ฝ่ายเราสามารถทำการสู้รบได้ในทุกพื้นที่ กับทั้งสามารถทำการโจมตีฝ่ายตรงข้ามอย่างรุนแรงภายในพื้นที่สำคัญๆ ได้ด้วย ฝ่ายเราสามารถโจมตีข้าศึกในพื้นที่ยุทธศาสตร์ทั้งสาม และเอาชนะสงครามที่มีผลแตกหักภายในตัวเมืองได้ เราสามารถที่จะทำการโจมตีอย่างแตกหักด้วยหน่วยยุทธศาสตร์ที่มีความคล่องแคล่วในการเคลื่อนที่ในทุกพื้นที่ และในขณะเดียวกันก็สามารถเพิ่มการโจมตีและลุกฮือขึ้นต่อสู้ให้รุนแรงยิ่งขึ้นด้วยกองทัพของมวลชนประจำถิ่น และด้วยกำลังการเมืองของมวลชนที่มีอยู่ทั่วไป นอกจากนี้เรายังสามารถโจมตีอย่างทันเวลา เมื่อการรุกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และในที่สุดฝ่ายเราจะรวมกำลังขนาดใหญ่ เข้าทำลายฝ่ายข้าศึกให้ได้ผลแตกหักต่อไป

“กำลังและการวางกำลังทางยุทธศาสตร์ที่เข้มแข็งของสงครามปฏิวัติในระหว่างการรุกใหญ่ และการลุกฮือขึ้นต่อสู้ เป็นการแสดงพลังของประชาชน และของการปฏิวัติประชาธิปไตยในเวียดนามใต้ในขั้นสุดท้ายของสงครามซึ่งเป็นผลสำเร็จที่ยิ่งใหญ่จากการสู้รบอย่างหนักและยาวนานถึง 30 ปี ของกองทัพและประชาชนของเราในพื้นที่ทั้งสองเขต และยังเป็นพลังแห่งความสามัคคีในชาติภายใต้การนำของชั้นกรรมาชีพและของพรรค”

ในการรุกใหญ่ที่ประสบชัยชนะในครั้งนี้ ฝ่ายเราได้ปลดปล่อยพื้นที่อันอุดมสมบูรณ์ และกว้างขวาง ที่มีประชากรอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นอย่างรวดเร็วพื้นที่เหล่านี้รวมถึงตัวเมืองใหญ่ๆ ค่ายทหาร สนามบิน และฐานทัพเรือที่สำคัญตลอดจนเส้นทางคมนาคมทางยุทธศาสตร์ทั้งงบพื้นดินในทะเล และทางอากาศชัยชนะดังกล่าวทำให้ฝ่ายเรามีพื้นที่รวมพล และกำลังใหม่ๆ ซึ่งเป็นการเพิ่มพูนอำนาจกำลังรบในการรุก ฝ่ายเราได้ใช้ยุทธศาสตร์ และเทคนิคต่างๆ ที่ยึดมาได้จากข้าศึกโดยทันที เป็นต้นว่าค่ายทหารต่างๆ และเส้นทางถนนที่จะทำให้ฝ่ายเราสามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างรวดเร็ว

ในระหว่างการปฏิบัติตามแผนโฮจิมินห์ หน่วยยุทธศาสตร์เคลื่อนที่ขนาดใหญ่หลายหน่วยซึ่งประกอบด้วยกำลังทหารราบนับจำนวนแสน พร้อมด้วยสายยุทธบริการต่างๆ ถูกเคลื่อนย้ายด้วยยานยนต์เป็นพันๆ กิโลเมตร หน่วยเหล่านี้สามารถทำการรบในขณะรุกคืบหน้าได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งได้ผลทางการจู่โจมต่อฝ่ายข้าศึก
กองทัพประชาชนของเราที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ปลดปล่อยใหม่ๆ ได้ให้การสนับสนุนทรัพยากรด้านกำลังคน และวัสดุ สำหรับที่จะปฏิบัติการรุกใหญ่ความมั่นคงและการเสริมความมั่นคงในพื้นที่ปลดปล่อยแห่งใหม่ในด้านทางทหาร การเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม ทำให้ฝ่ายเราสามารถปรับกำลังรบหลักที่ป้องกันพื้นที่เหล่านี้ให้เป็นกำลังเคลื่อนที่ ซึ่งเป็นการเพิ่มพูนกำลังของเราสำหรับการรบในครั้งต่อๆ ไป

กฎเกณฑ์ของสงครามปฏิวัติภายในประเทศของเรา ทำให้เรา “ยิ่งรบยิ่งแข็ง” และสามารถทำการรุกจากขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ได้ หรือจากการรุกระดับท้องถิ่นไปถึงการรุกใหญ่ทั่วไป เพื่อยุติสงครามด้วยความมีชัย การสู้รบของขบวนการต่อต้านฝรั่งเศสให้อดีตและการต่อสู้กับการรุกรานของสหรัฐฯ ในปัจจุบัน ก็เป็นไปตามกฎเกณฑ์นี้จนได้รับชัยชนะที่ยอดเยี่ยม ในระหว่างการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วในห้องของการรุกใหญ่ ฝ่ายเราสามารถทำลายกำลังของฝ่ายข้าศึกได้เป็นจำนวนมาก และได้ปล่อยพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่สำคัญหลายแห่งในการสู้รบแต่ละครั้ง หรือในการปฏิบัติตามแผนแต่ละแผนจนเป็นเหตุให้ความสมดุลของกำลังฝ่ายเราและฝ่ายข้าศึก มีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่เกื้อกูลต่อฝ่ายเรา ด้วยเหตุนี้ฝ่ายเราจึงสามารถรวมกำลังขนาดใหญ่อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์ของสงครามปฏิวัติภายในประเทศของเรา ซึ่งเป็นกำลังที่ทำให้ฝ่ายเราได้เปรียบด้านกำลังรบต่อฝ่ายข้าศึกในระหว่างการปฏิบัติการตามแผนโฮจิมินห์ และภายหลังจากที่กองทัพหุ่น ซึ่งมีกำลังพลมากกว่า 1 ล้านคน ถูกทำลายโดยสิ้นเชิง และฝ่ายเราประสบชัยชนะอย่างสมบูรณ์แล้วกำลังกองทัพของประชาชนกลับมีความเข้มแข็งมากขึ้นกว่าเดิมอีก

3

การผลึกกำลัง ของ สงครามปฏิวัติ
---------------

“ความสำเร็จที่ยอดเยี่ยมของพรรคอีกประการหนึ่ง ประกอบด้วยการเสริมสร้างและพัฒนาการผนึกกำลังของสงครามประชาชน หรือของสงครามปฏิวัติ การใช้การโจมตีทางทหารด้วยหน่วยยุทธศาสตร์เคลื่อนที่เป็นกำลังในการโจมตี การผสมผสานการโจมตีทางทหาร กับการลุกฮือขึ้นต่อสู้เข้าด้วยกัน การผสมผสานการต่อสู้ทางทหารกับการต่อสู้ทางการเมือง และการปลุกปั่นในหมู่ข้าศึก การทำลายหน่วยขนาดใหญ่ของฝ่ายข้าศึก การปลดปล่อยเขตยุทธศาสตร์ที่กว้างขวางในพื้นที่ภูเขา ชนบทและตัวเมือง และการเอาชนะอย่างสมบูรณ์ โดยอาศัยการรุกใหญ่และการลุกฮือขึ้นต่อสู้ในเมืองหลวงของรัฐบาลหุ่น”

ด้วยการใช้กฎในการพัฒนาการผนึกกำลังของสงครามประชาชน และสงครามปฏิบัติกับการรุกทางยุทธศาสตร์ในขณะที่ฝ่ายข้าศึกยังมีกองทัพขนาดใหญ่ และพยายามยกระดับของสงครามต่อต้านการปฏิวัติให้สูงขึ้น ฝ่ายเราใช้ “หน่วยยุทธศาสตร์เคลื่อนที่เป็นกำลังหลักในการโจมตีทางทหาร” เพื่อทำลายบดขยี้กองทัพฝ่ายข้าศึก ซึ่งเป็นการใช้กฎทั่วๆ ไปของสงคราม คือการใช้กำลังกองทัพของฝ่ายเราเข้าทำลายกองทัพของฝ่ายข้าศึก และในขณะเดียวกันก็ใช้กฎโดยเฉพาะของสงครามประชาชนในประเทศของเรา คือการใช้ “กำลังกองทัพมวลชนประจำถิ่น และกำลังทางการเมืองประจำถิ่น” เข้าร่วมปฏิบัติการกับกำลังกองทัพประจำการทางการเมือง การโจมตีทางทหารกับลุกฮือขึ้นต่อสู้ และการทำลายล้างฝ่ายข้าศึก กับความพยายามที่จะยึดอำนาจให้กลับคืนสู่มือประชาชน” เราได้ทำการสู้รบกับฝ่ายข้าศึกทั้งในตัวเมืองและในชนบท ทั้งในพื้นที่ป่าเขาและที่ราบ แต่เราก็โจมตีโดยตรงต่อเมืองใหญ่ๆ อย่างกล้าหาญ เพื่อทำลายจุดรวมประสาทของฝ่ายข้าศึกในแต่ละพื้นที่ จนในที่สุดก็สามารถเข้าโจมตีและยึดเมืองหลวงของฝ่ายข้าศึกได้

ในการรุกทางทหาร กำลังกองทัพประจำการ ได้เข้าปฏิบัติการขนาดใหญ่ในลักษณะของการโจมตีผสมด้วยกำลังของหน่วยยุทธศาสตร์ต่างๆ ได้แก่หน่วยเคลื่อนที่เร็ว และหน่วย “ในพื้นที่” ทำการโจมตีโดยตรงต่อตัวเมือง ซึ่งเป็นศูนย์รวมประสาทและฐานทางทหารของฝ่ายตรงข้ามที่สำคัญ เมืองฟุคลองซึ่งเป็นเมืองหลวงของจังหวัด ได้รับการปลดปล่อยเมือง 6 มกราคม ปี 1975 การปฏิบัติตามแผนในที่ราบสูงตอนกลางเริ่มต้นด้วยการโจมตี และปลดปล่อยเมืองบ้านแม่ทวด (10 มีนาคม ปี 1875) และต่อมาก็สามารถปลดปล่อยเมืองใหญ่ๆ ในเวียดนามใต้ ซึ่งได้แก่เมืองเว้ เมืองดานัง และเมืองไซ่ง่อนได้สำเร็จในขณะเดียวกันเมืองหลวงของจังหวัดและเขต ก็ตกไปอยู่ในกำมือของประชาชน เมืองแล้วเมืองเล่า การโจมตีด้วยกำลังของหน่วยทหารขนาดใหญ่ผสมผสานกับการลุกฮือขึ้นต่อสู้ของมวลชนอย่างแข็งขัน นำไปสู่การทำลายกำลังฝ่ายข้าศึก , ความล้มเหลวโดยสิ้นเชิงของการตั้งรับที่สำคัญๆ และการยึดครองพื้นที่ทางยุทธศาสตร์แห่งแล้วแห่งเล่า ซึ่งก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในความสมดุลของกำลังทั้งสองฝ่าย และการเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหันของสถานการณ์สงครามการรบขนาดใหญ่ เพื่อทำลายล้างกำลังฝ่ายข้าศึกทำให้บรรดาทหารหุ่นเกิดความตื่นตกใจ และเสียขวัญกำลังใจ ซึ่งก่อให้เกิดผลแตกหักในการบดขยี้กลไกขนาดใหญ่ของรัฐบาลไซ่ง่อนภายในห้วงเวลาสั้นๆ และในขณะเดียวกันเป็นการเสริมโอกาสที่กองทัพประจำถิ่นและมวลชนและสามารถเข้าโจมตี และลุกฮือขึ้นต่อสู้ได้อย่างเข้มแข็ง

“การโจมตีด้วยกองทัพประจำถิ่น และการลุกฮือขึ้นต่อสู้ด้วยกำลังมวลชน กระทำอย่างต่อเนื่อง ตลอดห้วงเวลาของการรุกใหญ่ทางยุทธศาสตร์ในทุกพื้นที่ จากชนบทถึงตัวเมือง จากตรีเทียนถึงเขตกลาง และตรังโบเขตใต้ และจากแผ่นดินใหญ่ถึงเกาะต่างๆ ตามชายฝั่ง กำลังเหล่านี้ได้ประสานกับการโจมตีทางทหารของกำลังกองทัพประจำการ เพื่อขยายผลและเสริมความสำเร็จในการโจมตีต่างๆ “ในพื้นที่ทุกแห่งหน่วยกำลังประจำถิ่น ทหารบ้าน กองโจร และกำลังป้องกันตนเอง ฉวยโอกาสที่เกื้อกูลเข้าโจมตีฝ่ายข้าศึก โดยทำลายกำลังขนาดใหญ่ และให้การสนับสนุนต่อการลุกฮือขึ้นต่อสู้อย่างมีประสิทธิภาพ กำลังเหล่านี้สามารถเข้าควบคุมบังคับบัญชาของฝ่ายข้าศึก และบดขยี้การ “ป้องกันของประชาชน” ของฝ่ายข้าศึก ในหลายกรณีกองทัพประจำถิ่นร่วมกับกำลังการเมืองของมวลชน ทำการปลดปล่อยเมืองหลวงของจังหวัดและของเขตเป็นจำนวนมากซึ่งเป็นการเสริมสร้างเงื่อนไขที่ดี สำหรับให้หน่วยกองทัพประจำการ มุ่งเฉพาะการโจมตีต่อที่หมายหลักของการรุกใหญ่

“กำลังการเมืองของมวลชน” ได้เติบโตขึ้นอย่างเข้มแข็งในหลายพื้นที่จากชนบทไปสู่ตัวเมือง โดยอาศัยรูปแบบที่มีความอ่อนตัว และแตกต่างกันออกไป จากระดับต่ำถึงระดับสูงโดยสอดคล้องกับคุณลักษณะของ “การลุกฮือขึ้นต่อสู้ในสงครามปฏิวัติ” การลุกฮือขึ้นต่อสู้อาศัยประโยชน์จากการโจมตีทางทหารมากที่สุด และประสานงานกับอย่างใกล้ชิด พลังมวลชนของประชาชนได้เข้าร่วมในการปฏิวัติโดยตรง และสนับสนุนการต่อสู้ด้วยการทำลายกำลังฝ่ายข้าศึก และหน่วยทหารหุ่นให้หมดไปในขณะเดียวกันกำลังส่วนนี้ยังดำเนินการปลุกปั่นในหมู่ทหารข้าศึก เพื่อให้แตกแยกกันเองอันจะเป็นการทำลายกลไกลการควบคุมบังคับบัญชาของทหารหุ่นในตัวเมืองและอำเภอ ตลอดจนในตำบลและหมู่บ้านเพื่อบังคับให้ข้าศึกต้องยอมแพ้ในขั้นสุดท้าย มวลชนกบฏศึกพร้อมด้วยกองทัพมวลชนเข้ายึดครองกลไกของอำนาจ สำนักงานบริหาร และสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของบรรดาหุ่นทั้งหลาย รวมทั้งตามล่าฝ่ายข้าศึกที่ยังซุ่มซ่อนอยู่กับทั้งทำลายการก่อวินาศกรรมของฝ่ายข้าศึก วางระเบียบของการปฏิวัติ เสริสร้างการควบคุมของประชาชน และจัดตั้งพลังปฏิวัติขึ้นในท้องถิ่นต่างๆ

ภายหลังการประสบชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ที่ราบสูงภาคกลาง และที่เมืองเว้ กับดานังแล้วเมืองหลวงของจังหวัดและเขตแถบชายทะเลของเวียดนามภาคกลางตอนใต้ ถูกปลดปล่อยโดยกำลังกองทัพประจำถิ่นและประชาชนอย่างรวดเร็ว

เมื่อรัฐบาลหุ่นส่วนกลางถูกบีบบังคับให้ย้อมแพ้โดยไม่มีเงื่อนไข (30 เมษายน ปี 1975) จากผลการรุกใหญ่ขั้นแตกหักบริเวณไซ่ง่อน – เกียดินห์ พลังในการปฏิบัติและกำลังของกองทัพประจำถิ่นตลอดจนกำลังการเมืองของมวลชนได้บีบบังคับฝ่ายข้าศึกและกองทัพ กับรัฐบาลหุ่นในจังหวัดที่เหลือประมาณ 20 จังหวัด ในภาคใต้ให้ล้มลง (1 พฤษภาคม 1975) กำลังกองทัพและประชาชนในพื้นที่เหล่านี้ทำการรุกไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว และเรียกร้องให้ฝ่ายข้าศึกยอมจำนนและวางอาวุธ ตลอดจนทำลายระบบ “การป้องกันของประชาชน” และกลไกการควบคุมบังคับบัญชา เข้ายึดที่ตั้งทางทหาร ปลดปล่อยเมืองหลวงของจังหวัดและเขต และจัดตั้งคณะบริหารการปฏิวัติขึ้นแทนสำหรับพื้นที่ที่ฝ่ายข้าศึกยังคงต่อต้านอย่างเหนียวแน่น กำลังประจำถิ่นและประชาชน จะไม่รั้งรอในการโจมตี และทำลายกำลังบางส่วนของฝ่ายข้าศึกดังกล่าว และพยายามที่จะเรียกร้องให้กำลังส่วนที่เหลือยอมจำนน

ดังนั้น ในสงครามปฏิวัตินี้ ฝ่ายเราได้นำ “กฎของสงครามและการลุกฮือขึ้นต่อสู้ด้วยอาวุธ ความเข้าใจถึงความเกี่ยวพันของการปฏิบัติทั้งสอง และการยึดถือกฎของสงครามและการต่อสู้ด้วยอาวุธ เป็นปัจจัยที่จะนำผลแตกหักมาให้” ในการเสริมสร้างการการผนึกกำลังที่ยิ่งใหญ่ของการรุกใหญ่ทางยุทธศาสตร์ ซึ่งในที่สุดสามารถบดขยี้กองทัพและล้มล้างรัฐบาลหุ่น อันเป็นเหตุให้เอาชนะฝ่ายข้าศึกได้อย่างสมบูรณ์ เพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชนอีกครั้งหนึ่ง

4

ศิลปะศาสตร์ทางการทหาร
ของ
สงครามประชาชน
----------------

ความสำเร็จอันยอดเยี่ยมอีกประการหนึ่งของพรรค ประกอบด้วยการใช้วิทยาศาสตร์และศิลปศาสตร์ทางการทหารของสงครามประชาชน และสงครามปฏิวัติอย่างเพลิกแพลง พิจารณากำหนดทิศทางและเป้าหมายในการโจมตีได้อย่างถูกต้อง เลือกเวลาของการโจมตีอย่างถูกต้องเคลื่อนย้ายอย่างรวดเร็วและใช้หลักการรวมกำลัง นำวิธีการสู้รบที่มีประสิทธิภาพสูงมาใช้ แสวงความได้เปรียบและทำให้ความผิดพลาดของข้าศึกส่งผลที่เลวร้ายอย่างหนัก โจมตีข้าศึกอย่างรุนแรงรวดเร็ว และจู่โจม ประกันให้มีการควบคุมบังคับบัญชาในลักษณะที่เข้มแข็ง มั่นคง กล้าหาญ และอ่อนตัว กำจัดหน่วยกำลังรบของฝ่ายข้าศึกที่มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม และในที่สุดก็กำจัดและก่อให้เกิดการแตกแยกภายในกองกำลังของฝ่ายข้าศึก

เราจะเอาชนะทหารหุ่นเก่า 1 ล้านคน ที่มีการจัดและการประกอบกำลังด้วยยุทโธปกรณ์ของสหรัฐฯ เพื่อปลดปล่อยพื้นที่เวียดนามภาคใต้อันเป็นที่รักในระยะเวลาค่อนข้างสั้นและอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นเมื่อโอกาสมาถึงได้อย่างไร? นี่คือปัญหาที่เผชิญหน้ากับวิทยาศาสตร์และศิลปะศาสตร์ทางการทหารของเราในการต่อสู้เพื่อปฏิวัติ เมื่อได้กำหนดแนวทางการปฏิวัติได้อย่างถูกต้อง ปัจจัยสำคัญที่จะนำไปสู่ชัยชนะคือวิธีการปฏิวัติที่พลิกแพลง การต่อสู้ทางทหารก็เช่นเดียวกันศิลปศาสตร์ทางการทหารของการต่อสู้ด้วยอาวุธ หรือวิธีการสงครามปฏิวัติ ซึ่งในที่นี้จะกล่าวถึงเฉพาะศิลปศาสตร์ทางการทหารเป็นส่วนใหญ่

ในการรุกใหญ่ของเรา แนวทางในการวางแผนด้วยยุทธศาสตร์และการปฏิบัติของพรรคสามารถแก้ปัญหาที่สำคัญๆ ได้หลายประการ :

การกำหนดทิศทางและที่หมาย

จักรกลในการทำสงครามของฝ่ายข้าศึก ถูกใช้ไปทั่วที่อันกว้างขวางครอบคลุมเวียดนามใต้ทั้งหมด ในลักษณะที่เป็นหน่วยเดียว การโจมตีหลักของการรุกใหญ่ และการลุกฮือขึ้นต่อสู้ควรกระทำในทิศทางใด เพื่อที่จะทำลายหรือทำให้กำลังฝ่ายข้าศึกต้องแยกสลายจากกัน อย่างกว้างขวาง ทำลายฝ่ายทหารของข้าศึกทั้งหมด รวมทั้งกลไกทางการเมือง ทำลายขวัญและกำลังใจของฝ่ายข้าศึกในการที่จำทำสงครามต่อต้านประชาชนและต่อต้านชาติ และดำเนินการให้เป็นไปตามการตกลงใจทางยุทธศาสตร์? นอกจากนี้เราควรทำการโจมตี ณ ที่ใดเป็นการล่วงหน้าเพื่อก่อให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อจักรกลในการทำสงครามของฝ่ายข้าศึกทั้งสิ้นและนำไปสู่การโจมตีที่มีผลแตกหัก เพื่อเอาชนะฝ่ายข้าศึกอย่างสมบูรณ์?

นี่คือศิลปะการพิจารณาปัจจัยพื้นที่ในสถานการณ์สงคราม
ในการรุกใหญ่ทางยุทธศาสตร์ ฝ่ายเราได้พิจารณา “ทิศทางหลักของการรุกใหญ่และการลุกฮือขึ้นต่อสู้” ได้อย่างถูกต้อง ภายหลังจากที่ได้ทำการวิเคราะห์คุณลักษณะและธรรมชาติของสงครามปฏิวัติของประชาชนของเราที่มีต่อสงครามรุกราน ในลักษณะสงครามต่อต้านการปฏิวัติของบรรดานักล่าอาณานิคมยุคใหม่ และทำการประมาณการ จุดแข็งและจุดอ่อนทั้งของฝ่ายเราและฝ่ายข้าศึก ตลอดจนสถานการณ์สงครามที่เปลี่ยนแปลงไปโดยไม่ย้อนกลับและการยึดถือที่หมายของสงครามปฏิวัติอย่างมั่นคง ฝ่ายเราได้ตกลงใจที่จะใช้กำลังขนาดใหญ่ยึดรักษาพื้นที่สำคัญ และทำการโจมตีขั้นแตกหักไซ่ง่อน ซึ่งเป็นที่มั่นสุดท้ายของฝ่ายข้าศึก ความจริงได้พิสูจน์ให้เห็นว่า การเลือกไซ่ง่อน-เกียดินห์ เป็นที่หมายหลักของการโจมตีในระหว่างการรุกใหญ่และการลุกฮือขึ้นต่อสู้ในฤดูใบไม้ผลิ ปี 1975 นั้น เป็นการกระทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้วโดยสมบูรณ์ ฝ่ายเราได้ทำการโจมตีอย่างรุนแรงต่อพื้นที่สำคัญของระบบการต่อสู้ป้องกันของฝ่ายข้าศึก การโจมตีอย่างมีชัยครั้งนี้ เสริมสร้างให้เกิดผลกระทบอย่างรุนแรง ภายหลังจากที่ฝ่ายเราได้กวาดล้างและทำลายกำลังฝ่ายข้าศึกในลักษณะนี้ได้เกือบหมด และปลดปล่อยไซ่ง่อนกับเกียดินห์ได้แล้ว กำลังที่เหลือของข้าศึกจำเป็นต้องวางอาวุธและเข้ามอบตัวยอมแพ้โดยไม่มีเงือนไข โครงสร้างทั้งหมดของฝ่ายข้าศึกในเวียดนามใต้ ก็จะล้มครืนลง เป็นส่วนๆ

การโจมตีขั้นแตกหักขั้นสุดท้ายต่อ “เมืองหลวง” ซึ่งเป็นศูนย์ประสาทของฝ่ายข้าศึก เพื่อเอาชนะสงครามถือเป็นสิ่งดีเด่นของศิลปศาสตร์ทางทหารของบรรพบุรุษของเราที่ได้กระทำอันต่อเนื่องกันมาในสงครามปลดปล่อย ลีบอนเคยโจมตีเมืองลองเบียน เมื่อ ปี 554, ฟุง ฮุง โจมตีเมืองไดลา เมื่อปี 791, เหงียน เว้ เข้าโจมตีเมืองทังลอง เมื่อปี 1789 เพื่อให้ได้ชัยชนะที่สมบูรณ์เหนือผู้รุกรานต่างชาติในการรบอย่างแตกหักเพื่อปลดปล่อยประเทศ ในปัจจุบันแม้จะอยู่ในสภาวะทางประวัติศาสตร์ที่แตกต่างไปจากเดิม ฝ่ายเราก็สามารถนำประสบการณ์ที่สำคัญของบรรพบุรุษมาใช้ได้อย่างพลิกแพลงและประสบความสำเร็จดี
ในการที่จะเสริมสร้างให้เกิดเงื่อนไขที่จำเป็นสำหรับการโจมตีขั้นแตกหักในทิศทางหลักของการเข้าตี ฝ่ายเราทำการโจมตีอย่างรุนแรงในทิศทางอื่น ๆ หลายทิศทาง ได้แก่ ที่ราบสูงภาคกลางในเขตภาคทหารที่ 2 และพื้นที่ เว้ ดานัง ในเขตภาคทหารที่ 1 ในขณะเดียวกันฝ่ายเราเพิ่มการปฏิบัติการโจมตีทางทหารและการลุกฮือขึ้นสู้ในทุกพื้นที่การรบ จากเมืองตรีเทียนจนจรดสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง

ฝ่ายเราได้ตกลงใจที่จะเปิดฉากการรุกในที่ราบสูงภาคกลาง ภายหลังการทำลายกำลังฝ่ายข้าศึกและสามารถปลดปล่อยเขตยุทธศาสตร์ของที่ราบสูงภาคกลางได้ทั้งหมด ซึ่งในโอกาสต่อมาสามารถปลดปล่อยจังหวัดแต่ละจังหวัดในเขตภาคทหารที่ 2 ของฝ่ายข้าศึกได้ ทำให้การวางกำลังทางยุทธศาสตร์ของฝ่ายเวียดนามใต้ทั้งหมดขาดความต่อเนื่อง ฝ่ายเราได้เปลี่ยนทิศทางการโจมตีไปยังเขตภาคทหารที่ 1 ซึ่งอยู่โดดเดี่ยว ด้วยความมุ่งหมายที่จะโจมตีเมืองสำคัญ ๆ เป็นต้นว่าเมือง เว้ และเมืองดาหนัง ก่อนที่การรบในที่ราบสูงภาคกลางจะสิ้นสุดลงเสียด้วยซ้ำ ภายหลังจากที่ภาคทหารที่ 1 และภาคทหารที่ 2 ถูกยึดได้แล้ว และระหว่างที่ปฏิบัติการของกองทัพและของประชาชนเพิ่มมากขึ้นในเขตภาคทหารที่ 3 และภาคทหารที่ 4 ก็ปรากฏสิ่งใหม่ๆ เกิดขึ้นในสงครามปฏิวัติ นั่นคือ ฝ่ายข้าศึกได้สูญเสียทหารหลายแสนคนจากการรบ หรือจากการสลายตัวของหน่วยในขณะที่กองทัพและประชาชนของฝ่ายเรากลับเข้มแข็งยิ่งข้น และมีกำลังอย่างล้นเหลือ พร้อมด้วยความแน่วแน่ทางจิตใจที่จะทำการปลดปล่อยเวียดนามใต้ให้ได้อย่างสมบูรณ์ เงื่อนไขต่าง ๆ ได้สุกงอมแล้วสำหรับโอกาสที่จะเข้าทำการรุกใหญ่ติอเมืองไซ่ง่อนต่อไป

ฝ่ายเราได้ใช้ศิลปะในการพิจารณาปัจจัยพื้นที่ในสถานการณ์สงครามเป็นอย่างดี จนเห็นได้ชัดนั่นคือศิลปการพิจารณาทิศทางการโจมตี ฝ่ายเราสามารถจะกำหนดทิศทางที่จะปฺดฉากการโจมตีในการรุกใหญ่ทางยุทธศาสตร์ได้อย่างถูกต้อง และยังสามารถกำหนดได้ว่า จะเข้าโจมตีที่ใดต่อไปด้วยโดยเฉพาะอย่างยิ่งฝ่ายเราสามารถกำหนดได้อย่างถูกต้องว่า จะทำการเข้าตีหลัก ณ ที่ใด ฝ่ายเราได้ผสมผสานการโจมตีในทิศทางสำคัญอื่น ๆ เข้ากับการโจมตีในทิศทางหลักเพื่อเสริมสร้างให้เกิดเงื่อนไขที่จะเอาชนะอย่างแตกหักในทิศทางหลัก และยุติสงครามด้วยชัยชนะที่ยิ่งใหญ่

ในระหว่าง ที่มีการกำหนดทิศทางในการรุกอย่างถูกต้องนั้น ฝ่ายเราได้โจมตีฝ่ายข้าศึกในพื้นที่ยุทธศาสตร์ทั้ง 3 พื้นที่อย่างสอดคล้องกับเงื่อนไขใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นโดยส่วนรวมแล้วตลอดระยะเวลาของการรุกใหญ่และการรุกฮือขึ้นต่อสู้ในฤดูใบไม้ผลิ ปี 1975 อาจกล่าว้ว่าฝ่ายเราได้โจมตีฝ่ายข้าศึกทั้งในพื้นที่ภูเขาและที่ราบ ทั้งในชนบทละตัวเมือง แต่เรา "ได้เริ่มทำการรุกในพื้นที่ภูเขาแล้วโจมตีต่อลงมายังที่ราบ อย่างไรก็ดี ทั้งในพื้นที่ภูเขาและที่ราบ ทิศทางหลักของเราคือตัวเมือง ฝ่ายเราได้โจมตีและปลดปล่อยเมืองสำคัญ ๆ และในที่สุดก็สามารถเข้าโจมตีและยึดครอง'เมืองหลวง 'ของฝ่ายข้าศึกได้"

ในการให้แนวทางเกี่ยวกับการทำสงครามในแต่ละพื้นที่ทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญนั้น ฝ่ายเราสามารถกำหนดทิศทาง และที่หมายการโจมตีโดยแน่นอนได้อย่างถูกต้อง ผลของการปฏิบัติการยุทธในเขตที่ราบสูงภาคกลาง และในพื้นที่ เว้-ดานัง รวมทั้งการปฏิบัติตามแผนโฮจิมินห์ ได้พิสูจน์ให้เห็นความสำคัญของปัญหาดังกล่าว
ในการเลือกทิศทางและที่หมายสำคัญการโจมตี ฝ่ายเราได้พิจารณาถึง “จุดสำคัญ” ของฝ่ายข้าศึกได้อย่างถูกต้อง จุดสำคัญเหล่านี้ส่วนใหญ่ได้แก่สถานที่ที่ฝ่ายข้าศึกมีความอ่อนแอ หรือค่อนข้างอ่อนแอ หรืออาจเป็นสถานที่ที่ฝ่ายข้าศึกมีความเข้มแข็ง หรือค่อนข้างเข้มแข็งก็ได้ แต่ไม่ว่ากรณีใดฝ่ายข้าศึกจะอยู่ในลักษณะที่ขาดความระมัดระวัง หรือค่อนข้างจะขาดความระมัดระวังทั้งนี้อาจเป็นผลจากการกระทำของฝ่ายเรา หรือความผิดพลาดของฝ่ายข้าศึกเองก็ได้ สิ่งดังกล่าวเป็นเงื่อนไขที่จำเป็นสำหรับการรวมกำลังที่เหนือกว่าของฝ่ายเรา เข้าทำการโจมตีโดยไม่ให้ข้าศึกรู้ตัว และใช้วิธีการรบที่มีประสิทธิภาพเข้าทำลายข้าศึกอย่างรวดเร็ว

การโจมตีในทิศทางหนึ่งทิศทางใดต่อที่หมายกำลังที่กำหนดให้ อาจประสบความล้มเหลวหรือได้ผลเพียงเล็กน้อย ซึ่งไม่มีผลมากนัก ต่อสถานการณ์เป็นส่วนรวม แต่ในทางตรงข้ามหากเราใช้กำลังดังกล่าวอย่างถูกเวลาเพื่อโจมตีในทิศทางอื่น เพื่อทำลายกำลังฝ่ายข้าศึกและทำให้วิธีการรบของฝ่ายข้าศึกต้องยุ่งเหยิง ซึ่งเป็นผลดีต่อสถานการณ์ส่วนรวมแล้ว เราจะประสบชัยชนะที่สำคัญและบรรลุประสิทธิภาพการรบอย่างเป็นสูง ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า “พวกเราเลือกทิศทางและเป้าหมายได้อย่างถูกต้องแล้ว กำลังของเราจะเพิ่มขึ้นเองเป็นทวีคูณ แม้แต่กำลังขนาดเล็กก็ไม่มีอำนาจกำลังรบที่ยิ่งใหญ่ และกำลังยิ่งใหญ่ยิ่งมีอำนาจกำลังรบที่ยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีกด้วย” แต่ในทางตรงกันข้ามหากเราเลือกทิศทางและที่หมายผิดแล้ว กำลังขนาดใหญ่จะไม่สามารถแลดงอำนาจที่ยิ่งใหญ่ได้ ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่า “ศิลปะในการเลือกทิศทางและที่หมายในการโจมตีได้อย่างถูกต้อง เป็นศิลปะในการเสริมสร้างให้เกิดกำลังและอำนาจการรบขึ้นมา”

การเลือกเวลาที่ถูกต้องในการโจมตี
การเลือกเวลาที่ถูกต้องในการโจมตีขั้นแตกหัก เป็นปัญหาที่สำคัญของศิลปศาสตร์การปฏิวัติเช่นเดียวกับศิลปศาสตร์การสงคราม และยังเป็นปัญหาที่สำคัญมากในการปฏิบัติการทางทหารจุดสำคัญของฝ่ายข้าศึกอาจขาดความระมัดระวังในเวลาหนึ่งเวลาใดเท่านั้น แต่อีกเวลาหนึ่งอาจไม่เกิดขึ้นหรือฝ่ายข้าศึกอาจมีจุดอ่อน ณ เวลาหนึ่ง แต่กลับเข้มแข็งขึ้นในเวลาอื่น ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องทำการโจมตี เมื่อข้าศึกอ่อนแอและขาดความระมัดระวัง

นี่คือศิลปะของการพิจารณากำหนดปัจจัยในการทำสงคราม
ดังที่ได้กล่าวมาแล้วว่า ฝ่ายเราสามารถประมาณการอย่างถูกต้องเกี่ยวกับความสมดุลของกำลังฝ่ายข้าศึกและกำลังฝ่ายเรา และได้เล็งเห็นโอกาสทางประวัติศาสตร์ที่เกื้อกูลต่อฝ่ายเราเกิดขึ้นจึงได้ฉวยโอกาสที่สำคัญนี้ทำการรุกใหญ่และการรุกขึ้นฮือขึ้นต่อสู้เพื่อปลดปล่อยเวียดนามใต้อย่างสมบูรณ์

ฝ่ายเราได้เฝ้าการเปลี่ยนแปลงในการสมดุลของกำลังทั้งสองฝ่ายอย่างใกล้ชิดในระหว่างการทำรุกใหญ่ และพยายามเสริมสร้างโอกาสที่เกื้อกูลต่อฝ่ายเราอย่างแข็งขัน ฝ่ายข้าศึกได้ทำการป้องกันเมืองบ้านแม่ทวดอย่างระมัดระวังที่สุด แต่อย่างไรก็ดี เมื่อถูกฝ่ายเราสลวง ฝ่ายข้าศึกก็ส่งกำลังส่วนหนึ่งออกไปป้องกันบริเวณอื่น ๆ จึงทำให้เมืองบ้านแม่ทวดอยู่ในลักษณะค่อนข้างอ่อนแอและขาดความระมัดระวัง ฝ่ายเราจึงได้ฉวยโอกาสเข้าทำการโจมตี และประสบชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ หารฝ่ายเราไม่เข้าปฏิบัติการในเวลาที่เหมาะสมและปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไปแล้วสถานการณ์ข้าศึกอาจเปลี่ยนแปลงไป และฝ่ายเราอาจจำเป็นต้องใช้กำลังขนาดใหญ่กว่าที่ใช้ไปมาก เพื่อเข้าโจมตีเมืองนี้ การสู้รบที่เมืองเว้ และเมืองดานัง เป็นการสู้รบที่รวดเร็ว ฝ่ายเราไม่ได้เปิดโอกาสให้ฝ่ายข้าศึกสามารถรวมกำลังต่อต้านฝ่ายเราได้เลย ฝ่ายข้าศึกไม่สามารถเสริมกำลังในการป้องกันหรือทำการถอนตัวอย่างมีระเบียบ ดังนั้น พวกเขาจึงถูกทำลายไปอย่างรวดเร็ว การรุกทางยุทธศาตร์ของเราเป็นการสังหารกำลังฝ่ายข้าศึกแบบสายฟ้าแลบที่มั่นของฝ่ายข้าศึกตามชายฝั่งในเขตตรังโบตกเป็นของฝ่ายเราที่ละแห่งในขณะนั้น เวลาอันสุกงอมที่จะทำการโจมตีที่มั่นสุดท้ายในไซง่อนได้มาถึงแล้ว ฝ่ายเราจึงดำเนินการอย่างรวดเร็วที่สุด และฉวยโอกาสนี้เริ่มปฏิบัติการตามแผนโฮจิมินห์ ฝ่ายข้าศึกไม่ได้คาดคิดว่าจะถูกโจมตีอย่างรวดเร็วเช่นนี้ จึงไม่ได้ทำการสู้อย่างจริงจัง

การรุกใหญ่ครั้งล่าสุดนี้ พิสูจน์ให้เห็นอย่างไม่มีข้อสงสัยว่า “หากฝ่ายเราทำการโจมตี ณ เวลาที่ถูกต้อง กำลังขนาดเล็ก ๆ ก็อาจก่อให้เกิดอำนาจกำลังรบขนาดใหญ่ และกำลังขนาดใหญ่จะก่อให้เกิดอำนาจกำลังรบขนานใหญ่ยิ่งขึ้นไปอีก อาจกล่าวได้ว่า เวลาที่เกื้อหนุนนั้นเป็นทั้งกำลัง และอำนาจในการรบในตัวของมันเอง”
ความคล่องแคล่วในการเคลื่อนที่และการรวมกำลัง

จากที่ได้กล่าวมาแล้ว จะเห็นได้ว่า เมื่อเสริมสร้างให้เกดโอกาสที่ดีแล้ว เราต้องฉวยโอกาสนั้นเข้าทำการโจมตีฝ่ายข้าศึก ณ เวลาที่เกื้อกูลที่สุด เมื่อฝ่ายข้าศึกไม่สามารถรวมกำลังหรือเสริมสร้างกำลังในการป้องกัน ถึงแม้จะมีกำลังอย่างเพียงพอก็ตาม ดังนั้นความคล่องแคล่วในการเคลื่อนที่และการใช้กำลังอย่างรวดเร็ว จึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก “หากเรามีความคล่องแคล่วในการเคลื่อนที่สูง กำลังขนาดเล็กอาจมีอำนาจกำลังรบขนาดใหญ่และกำลังรบขนาดใหญ่ อาจมีอำนาจกำลังรบที่ใหญ่โตขึ้นไปอีก” หากในวิชาฟิสิคส์กล่าวว่า ยิ่งมีความเร็วมากเท่าใด พลังงานยิ่งเกิดขึ้นมากเท่านั้น ในด้านการทหารก็จะกล่าวได้ว่า การโจมตียิ่งมีจังหวะและความรวดเร็วมากเท่าใด พลังอำนาจจึงเกิดมากขึ้นเท่านั้น เองเกิลส์ ได้กล่าวว่า “ความรวดเร็วอย่างสูงของสงครามเคลื่อนที่จะชดเชยความขาดแคลนกำลังทหาร เนื่องจากความเร็วก่อให้เกิดขีดความสามารถในการโจมตีฝ่ายข้าศึกก่อนที่เขาจะมีเวลาในการรวมกำลัง” เช่นเดียวกับในวงการธุรกิจ “เวลาเป็นเงินเป็นทอง” ในการทำสลครามเราอาจกล่าวได้ว่า “เวลาเป็นกำลังทหาร”

เพื่อให้ได้เวลา ฝ่ายผู้นำและผู้บังคับบัญชาจะต้องมีความริเริ่ม ต้องสามารถตกลงใจและมีความกล้าหาญ รวมทั้งต้องมั่นใจในชัยชนะ และการปฏิบัติของกองทัพจะต้อง เป็นไปอย่างรวดเร็วตรงเวลา อ่อนตัว

และพลิกแพลง “กองทัพประจำการจะต้องเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็ว” ฝ่ายเราต้องข่ายเส้นทางที่ใช้ทางยุทธวิธี และทางยุทธศาสตร์ซึ่งได้จัดเตรียมเอาไว้อย่างละเอียด รอบคอบและมียานพาหนะในการขนส่งที่ดีอย่างเพียงพอ รวมทั้งมีการจัดหน่วยงานและวิธีการขนส่งที่ดี ตลอดจนการจัดให้มีการส่งกำลังบำรุงและสนับสนุนทางเทคนิคที่ไว้ใจได้

ประวัติศาสตร์การทำสงครามปลดปล่อยของชาติเรา ได้จารึกเหตุการณ์ที่มหัศจรรย์เกี่ยวกับการใช้กำลังอย่างรวดเร็วหลายครั้ง ตัวอย่างเหตุการณ์ที่น่าทึ่งได้แก่ การเดินเท้าอย่างรวดเร็วของกองทัพเตซอนที่ยิ่งใหญ่จากภาคใต้ไปภาคเหนือเพื่อทำลายพวกซิง ซึ่งรุกรานเวียดนามเมื่อปี 1789 ก่อนที่พวกรั้งสามารถขนส่งหน่วยขนาดใหญ่ซึ่งประกอบด้วยกำลังอาวุธที่ทันสมัยไปโจมตีไซง่อน ซึ่งในครั้งนี้เราสามารถรวมรวบกำลังรบได้ทันเวลา และโจมตีฝ่ายข้าศึกได้ตรงเวลาที่กำหนดไว้ ด้วยเงื่อนไขใหม่ๆ ทางประวัติฝ่ายเราได้ใช้ประเพณีของบรรพบุรุษในการใช้กำลังอย่างรวดเร็วเข้าปฏิบัติการทางทหารได้อย่างยอดเยี่ยม

ความเป็นจริงของสงครามประชาชน แสดงให้เห็นว่า นอกจากจะใช้กำลังอย่างรวดเร็วแล้ว “เราจำเป็นต้องมีกำลัง ‘ในพื้นที่’หากต้องการให้ได้เวลา ในระหว่างการรุกใหญ่ที่ผ่านมาฝ่ายเราได้วางหน่วยทหารประจำการขนาดใหญ่ไว้ในพื้นที่ต่าง ๆ ซึ่งทำให้เราสามารถเคลื่อนย้ายหน่วยเหล่านี้เข้าสู่พื้นที่การรบได้เมื่อจำเป็น บุคลที่อยู่ในพื้นที่ คือบุคคลที่มาก่อน ดังนั้นหาก “เวลาเป็นกำลังทหาร” ก็อาจกล่าวได้ว่า “กำลังทหารที่อยู่ในพื้นที่ หมายถึงการได้เวลา” นี่เป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมเราจึงต้องแก้ปัญหาเรื่องความคล่องแคล่วในการเคลื่อนที่ของหน่วยทางยุทธศาสตร์ และการใช้กำลังทหารที่อยู่ในพื้นที่ ของฝ่ายเราซึ่งมีขนาดแตกต่างกัน โดยปกติแล้วประกอบด้วยหน่วยกำลังของกองทัพประจำถิ่น ทหารบ้านและกองโจร ตลอดจนหน่วยทหารจู่โจมและคอมมานโดที่เก่งฉกาจ กำลังทางการเมืองของมวลชน และหน่วยทหารประจำการจะเข้าวางกำลังหรือปฏิบัติการพื้นที่เป็นการล่วงหน้า กำลังที่อยู่ “ในพื้นที่” ของสงครามประชาชนในสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง รู้จักฉวยโอกาสที่เกื้อกูลทำการพัฒนากำลังผสม และขยายผลแห่งความสำเร็จของกองทัพประชาชนในไซง่อน พวกเขารู้จักใช้ความคิดริเริ่มเข้าปฏิบัติการโจมตีทางทหาร และลุกฮือขึ้นสู้เพื่อปลดปล่อยแผ่นดินของเราประกอบด้วยหน่วยกำลังของกองทัพประจำถิ่น ทหารบ้านและกองโจร ตลอดจนหน่วยทหารจู่โจมและคอมมานโดที่เก่งฉกาจ กำลังทางการเมืองของมวลชน และหน่วยทหารประจำการจะเข้าวางกำลังหรือปฏิบัติการในพื้นที่เป็นการล่วงหน้า กำลังที่อยู่ “ในพื้นที่” ของสงครามประชาชนในสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง รู้จักฉวยโอกาสที่เกื้อกูลทำการพัฒนากำลังผสม และขยายผลแห่งความสำเร็จของกองทัพประชาชนในไซ่ง่อน พวกเขารู้จักใช้ความริเริ่มเข้าปฏิบัติการโจมตีทางทาหาร และลุกฮือขึ้นต่อสู้เพื่อปลดปล่อยแผ่นดินของเรา

การใช้รูปแบบต่างๆ ในการรบ
ในสงครามอะไรก็ตาม เมื่อได้รวมกำลังขนาดใหญ่ที่เข้มแข็งในทิศทางที่ถูกต้องและเวลาที่ถูกต้องได้แล้ว เราจำเป็นต้องแก้ปัญหาที่สำคัญทัดเทียมกัน อีกประการหนึ่งคือ การเลือกและการใช้ “รูปแบบในการรบ” ที่เหมาะสมที่สุดอย่างเต็มที่ เพราะการกระทำตัวดังกล่าวเท่านั้นที่จะทำให้เราสามารถเสริมสร้างอำนาจกำลังรบที่จำเป็นในสนามรบอันจะนำไปสู่ชัยชนะ

ในการรุกทางยุทธศาสตร์ครั้งที่แล้วมา ฝ่ายเราได้ใช้วิธีการรบตามปกติของสงครามประชาชนในประเทศของเรา ซึ่งประกอบด้วยการผสมผสานการโจมตีทางทหารกับการลุกฮือขึ้นต่อสู้การผสมผสานวิธีการรบของกองทัพ 3 ประเภท และการผสมผสานการโจมตีขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็กเข้าด้วยกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฝ่ายเราได้ประสาน “การปฏิบัติการทางทหารที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์” ต่างๆ อย่างใกล้ชิด ด้วยความมุ่งหมายเพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ประการเดียวคือ การทำลายและกำจังฝ่ายข้าศึกที่สำคัญเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในความสมดุลของกำลังทั้งสองฝ่ายในอันที่จะทำให้ฝ่ายเราได้เปรียบ และเสริมสร้างให้เกิดเงื่อนไขที่เกื้อกูลต่อฝ่ายเราในการโจมตีต่อฝ่ายเราในการโจมตีขั้นแตกหักเพื่อทำลายและแยกสลายกองทัพหุ่นให้ได้โดยสิ้นเชิง พร้อมทั้งขับไล่รัฐบาลหุ่นออกไปทั้งหมด

การปฏิบัติการยุทธในครั้งนี้ เป็น “การโจมตีด้วยการผนึกกำลังขนาดใหญ่ของหน่วยทหารเหล่าต่างๆ” ซึ่งหน่วยทางยุทธศาสตร์ขนาดใหญ่หลายหน่วยประกอบกำลังด้วยอาวุธ และเครื่องมือในการทำสงครามอันทันสมัย และมีความคล่องแคล่วในการเคลื่อนที่สูง ถูกส่งเข้าโจมตีฝ่ายข้าศึกในพื้นที่กว้างขวางระยะเวลาสั้นๆ ด้วยจังหวะที่รวดเร็ว โดยมีที่หมายซึ่งกำหนดไว้โดยแน่นอน ในระหว่างการยุทธเหล่านี้ กองทัพของเราได้ทำการ “แบ่งแยกและปิดล้อมทางยุทธศาสตร์ขนาดใหญ่ ต่อกำลังของฝ่ายข้าศึกและทำการโจมตีศูนย์ประสาท เพื่อกวาดล้างและแยกสลายการวางกำลังตั้งรับที่สำคัญๆ ของฝ่ายข้าศึก” ไม่ว่าฝ่ายข้าศึกจะอยู่ในที่มั่นแข็งแรงภายในตัวเมือง หรือกำลังเคลื่อนที่อยู่ กองทัพของเราแบ่งแยก ปิดล้อม โจมตี และทำลายพวกเขา ด้วยวิธีการต่างๆภายในพื้นที่ที่ราบสูงภาคกลาง ฝ่ายเราได้ตัดขาดเส้นทางคมนาคมหลักหลายแห่ง และแยกฐานปฏิบัติการที่สำคัญ ๆ ของฝ่ายข้าศึกให้อยู่โดดเดี่ยว แล้วปฏิบัติการรุกลึกเข้าไปในตัวเมือง เพื่อบังคับให้ฝ่ายข้าศึกต้องขอกำลังมาเพิ่มเติม หรือไม่ก็ต้องถอนตัวไป ฝ่ายเราก็จะเข้าปิดล้อมกำลังที่หลบหนีและทำลายล้างให้หมดสิ้นไป

ที่เมืองไว้ กองทัพฝ่ายเรามิได้เข้าโจมตีกองรักษาด่วน ในบริเวณขอบนอกของการป้องกันโดยรอบ แต่ได้ทำการแบ่งแยกกำลังข้าศึก และเจาะลึกเข้าไปถึงพื้นที่ส่วนหลังอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการทำให้การวางกำลังของฝ่ายข้าศึกต้องยุ่งเหยิงสับสน แล้วจึงทำการปิดล้อมแบ่งแยกโจมตีต่อที่หมายสำคัญยิ่ง ณ ใจกลางที่มั่นในการตั้งรับของฝ่ายข้าศึก โดยประสานกับการโจมตีที่รวดเร็ว จากทุกทิศทาง การผสมผสานการปฏิบัติการทางทหารเข้ากับการลุกฮือขึ้นต่อสู้ของประชาชน ทำให้การระวังป้องกันขนาดใหญ่ของฝ่ายข้าศึก ถูกทำลายภายในระยะเวลาสั้นที่สุด

ภายในไซ่ง่อน กำลังของเราได้เคลื่อนที่เข้าไปปิดล้อมฝ่ายข้าศึก ทำการโจมตี และกวาดล้างที่มั่นในการตั้งรับที่สำคัญๆ ตามขอบนอกของการป้องกันโดยรอบ ในขณะที่ทำการโจมตีอย่างกล้าหาญ จากทุกทิศทางเข้าสู่ใจกลางเมืองเพื่อยึดครองที่หมายที่สำคัญที่สุด และบีบบังคับให้ฝ่ายข้าศึกต้องยอมแพ้

ในทุกกรณีฝ่ายเราได้จัดให้มีการปิดล้อมที่แน่หนา และมีการตัดเส้นทางเสริมกำลังหรือเส้นทางถอนตัวของฝ่ายข้าศึก ทั้งทางพื้นดิน ทางอากาศและทางทะเล เพื่อกำจัดกำลังฝ่ายข้าศึกในการสู้รบที่รวดเร็ว และก่อให้เกิดการสลายตัว หรือการยอมแพ้ของกองทัพทั้งหมด ซึ่งประกอบด้วยกำลังทหารเป็นหมื่นเป็นแสนคน
การล่อหลอกฝ่ายข้าศึกให้ปฏิบัติการที่ผิดพลาด

การจู่โจมเป็นปัจจัยที่สำคัญในการทำสงคราม ในหลายกรณี การจู่โจมมีผลขั้นแตกหักต่อความสำเร็จ หรือความล้มเหลวของการสู้รบ การใช้ปัจจัยการจู่โจมเพื่อเอาชนะข้าศึก เป็นปัญหาสำคัญในศิลปศาสตร์ทางการทหาร ซึ่งเป็นศิลปะในการจู่โจมฝ่ายข้าศึก มิให้ล่วงรู้ ทิศทาง ที่หมาย และเวลาในการเข้าตีของฝ่ายเรา ตลอดจนกำลังและรูปแบบการรบที่ฝ่ายเราจะใช้ ในการรบจากแห่งหนึ่งไปยังอีกแห่งหนึ่ง เราจะเป็นต้องเสริมสร้างให้มีการจู่โจมในลักษณะต่างๆ เพื่อก่อให้เกิดการจู่โจมต่อฝ่ายข้าศึกในขอบเขตที่กว้างขวางขึ้น ฝ่ายเราจำเป็นต้องใช้กลอุบายที่จะลวงฝ่ายข้าศึกอย่าชำนิชำนาญ และทำให้ฝ่ายข้าศึกประมาณการในเรื่องความตั้งใจของฝ่ายเราอย่างผิดๆ ในขณะเดียวกัน เราต้องฉวยโอกาสจากความผิดพลาดของฝ่ายข้าศึก เพื่อก่อให้เกิดการจู่โจมที่รุนแรงยิ่งขึ้นจนถึงขั้นการทำให้ฝ่ายข้าศึกต้องพ่ายแพ้โดยสิ้นเชิงในที่สุด

การจู่โจมที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ได้แก่การที่ฝ่ายข้าศึกไม่ทราบเวลาของการรุกใหญ่ ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ทำให้ฝ่ายข้าศึกอยู่ในลักษณะเชิงรับ ทางยุทธศาสตร์จักรวรรดินิยมอเมริกัน และผู้นำของเขาคาดการณ์อย่างผิดพลาดว่า พวกเขามีเวลาที่จะก่อวินาศกรรมต่อสนธิสัญญาปารีสอีกถึง 2 ปี พวกเขาคิดผิดๆ ว่ากองทัพ และประชาชนของเราจะอยู่นิ่ง และเฝ้าดูพวกเขากดขี่ประชาชนของเราในภาคใต้และยับยั้งการปฏิวัติของเราไปทีละน้อย ดังนั้น เมื่อฝ่ายเราเปิดฉากการรุกใหญ่ พวกเขาจึงอยู่ในสภาพของคนนอนหลับ

จากการจู่โจมที่ยิ่งใหญ่นี้ ฝ่ายข้าศึกจึงรับเคราะห์ของการจู่โจมครั้งแล้ว ครั้งเล่าตลอดเวลาของการรุกใหญ่พวกเขาถูกจู่โจม ในเรื่องทิศทางและที่หมาย ในการโจมตีของฝ่ายเราเช่นในที่ราบสูงภาคกลาง ในเรื่องวิธีการสู้รบ เช่นที่เมืองเว้ หรือในเรื่องเวลาในการโจมตี เช่นที่เมือง ดานัง และภายในไซ่ง่อนของพวกเขาถูกจู่โจมทั้งในเรื่อง เวลา และขนาดของการโจมตีของฝ่ายเรา โดยการใช้ปัจจัยของการจู่โจมอย่างชาญฉลาด ฝ่ายเราสามารถจู่โจมฝ่ายข้าศึกได้ตลอดเวลาของการรุกใหญ่ อันเป็นเงื่อนไขสำคัญที่ผลักดันการโจมตีของเราให้มีผลดี และสามารถเอาชนะฝ่ายข้าศึกได้โดยสิ้นเชิงในเวลาอันรวดเร็ว

ไม่ว่าความยุ่งยาก หรือความยากลำบาก ประการใดจะรออยู่ข้างหน้า ประชาชนของเราต่างมีความเชื่อมั่นในชัยชนะแบบเบ็ดเสร็จ จักรวรรดินิยมอเมริกัน จะต้องยุติการปฏิบัติลงอย่างแน่นอน ปิตุภูมิของเราจะรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวอีกครั้งหนึ่ง และเพื่อร่วมชาติของเราในภาคใต้ และภาคเหนือจะอยู่ร่วมภายใต้หลังคาเดียวกัน ประเทศเล็กๆ ของเราจะได้รับเกียรติทั้งในการต่อสู้อย่างกล้าหาญจนสามารถเอาชนะจักรวรรดิ์นิยมที่ยิ่งใหญ่ ทั้งสอง ...คือ ฝรั่งเศส และสหรัฐฯ ... และในการมีส่วนสนับสนุนเป็นอย่างดีต่อขบวนการปลดปล่อยแห่งชาติของโลกด้วย ...โฮจิมินห์/10 พฤษภาคม ปี 1969

********************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น